Skip links

Cloud vs On-Premise เลือกอะไรดี? คู่มือที่ช่วยตัดสินใจได้ภายในไม่กี่นาที

ธุรกิจในวันนี้ไม่ได้แข่งขันกันด้วยสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่แข่งขันกันด้วย ความเร็ว ความเสถียร และความพร้อมในการเปลี่ยนแปลง และเบื้องหลังทั้งหมดนี้คือคำถามสำคัญเพียงข้อเดียวที่องค์กรทั่วโลกต้องตอบให้ได้ เราจะสร้างระบบของธุรกิจบนอะไร? บน Cloud หรือ On-Premise?

คำตอบไม่ใช่เรื่องเทคนิค แต่มันคือหัวใจของการเติบโตในทศวรรษนี้ เพราะระบบที่คุณเลือกในวันนี้ จะกำหนดว่าธุรกิจสามารถเติบโตได้เร็วแค่ไหนในวันพรุ่งนี้

บทความนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้น เข้าใจความต่างของทั้งสองแนวทาง และตัดสินใจอย่างมั่นใจขึ้นว่าระบบแบบไหนเหมาะกับธุรกิจของคุณที่สุด

 

1. เน้นราคาถูกจนลืมต้นทุนที่ซ่อนอยู่
หลายคนเริ่มจากความคิดว่า “อยากได้เว็บสวย ๆ” แล้วส่งตัวอย่างให้ทีมพัฒนาโดยไม่เคยกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เป้าหมายการใช้งาน หรือเส้นทางของผู้ใช้งาน (User Journey) เลยผลลัพธ์คือ ได้เว็บไซต์สวย แต่ทำงานแทนธุรกิจไม่ได้จริง ไม่มีคนติดต่อ ไม่มีคนซื้อ ไม่มี Conversion

เว็บไซต์ที่ดีต้องตอบคำถามว่า

  • ลูกค้าเข้ามาเพื่ออะไร?
  • ต้องเห็นอะไรบ้างก่อนตัดสินใจ?
  • เส้นทางสู่ Conversion ควรเป็นแบบไหน?

เว็บที่ไม่มีเป้าหมาย คือเว็บที่สิ้นเปลืองที่สุดค่ะ

Cloud vs On-Premise คืออะไร ต่างกันอย่างไร?

ก่อนจะเลือก เราต้องเข้าใจแก่นของทั้งสองแบบก่อน 

On-Premise (ติดตั้งระบบในองค์กรเอง)

องค์กรต้องซื้อเซิร์ฟเวอร์ ติดตั้ง เก็บรักษา และดูแลระบบเองทั้งหมด ตั้งค่าเครือข่าย สำรองข้อมูล อัปเดตซอฟต์แวร์ และจัดการทุกอย่างภายในองค์กร

ข้อดี

  • ควบคุมระบบได้เต็มที่
  • ข้อมูลอยู่ภายในองค์กรเอง

     

ข้อจำกัด

  • ต้องลงทุนแรกเริ่มสูง
  • ต้องมีทีมไอทีดูแลตลอด
  • ขยายระบบช้ากว่าและมีต้นทุนสูงมาก

Cloud (ระบบโครงสร้างพื้นฐานบนอินเทอร์เน็ต)

องค์กรไม่ต้องซื้อเครื่อง แต่ใช้โครงสร้างพื้นฐานผ่านผู้ให้บริการคลาวด์ เช่น AWS, Azure, Google Cloud  เป็นรูปแบบ “จ่ายตามที่ใช้จริง” และขยายระบบได้ทันทีเมื่อธุรกิจเติบโต

ข้อดี

  • เริ่มใช้งานได้เร็ว
  • ปรับขนาดได้ไม่จำกัด
  • ลดภาระด้านดูแลระบบและต้นทุนฮาร์ดแวร์
  • รองรับการทำงานหลายสาขา / Remote Work ได้ดีมาก

ข้อจำกัด

  • ต้องออกแบบการใช้งานให้เหมาะสมเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
  • ต้องมีผู้เชี่ยวชาญช่วยวางสถาปัตยกรรมให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น

เปรียบเทียบ Cloud vs On-Premise แบบเข้าใจง่ายที่สุด

1) งบประมาณและต้นทุนรวม (TCO)

  • On-Premise ลงทุนก้อนใหญ่ + ค่าซ่อมบำรุง + ค่าอัปเกรด
  • Cloud ไม่มีต้นทุนล่วงหน้า จ่ายเท่าที่ใช้

ถ้าไม่อยากลงทุนซื้อเครื่องตั้งแต่แรก Cloud มักคุ้มกว่า

2) ความเร็วในการเริ่มใช้งาน

  • On-Premise ติดตั้งเครื่อง ตั้งค่า ใช้เวลาเป็นสัปดาห์
  • Cloud พร้อมเริ่มในไม่กี่นาที

ธุรกิจที่ต้องการ go-to-market เร็ว มักเลือกคลาวด์

3) ความสามารถในการขยายระบบ (Scalability)

  • On-Premise ต้องซื้อและติดตั้งเครื่องเพิ่ม
  • Cloud เพิ่ม/ลดพลังประมวลผลได้ทันที

     

 เหมาะกับธุรกิจที่มี peak load สูง เช่น อีคอมเมิร์ซ

4) การดูแล ความปลอดภัย และการสำรองข้อมูล

  • On-Premise ทุกอย่างอยู่ที่ทีมไอทีขององค์กร
  • Cloud ผู้ให้บริการมีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล + Backup อัตโนมัติ

คลาวด์ลดภาระงานและลดความเสี่ยงเรื่องข้อมูลได้อย่างมาก

ธุรกิจแบบไหนเหมาะกับ On-Premise?

On-Premise ยังคงตอบโจทย์ในหลายกรณี เช่น

  • องค์กรที่ต้องควบคุมข้อมูล 100%
  • มีข้อกำหนดเฉพาะด้านกฎหมายหรือความปลอดภัย
  • ระบบเชื่อมกับอุปกรณ์เฉพาะทางในโรงงาน
  • มีทีมไอทีขนาดใหญ่และพร้อมดูแลเซิร์ฟเวอร์ทุกชิ้น

กล่าวง่าย ๆ คือ ถ้าความควบคุมสำคัญกว่าความยืดหยุ่น On-Premise อาจเหมาะกว่า

ธุรกิจแบบไหนเหมาะกับ Cloud?

คลาวด์คือคำตอบสำหรับธุรกิจที่ต้องการความเร็ว ความเสถียร และการเติบโตแบบไม่มีข้อจำกัด เช่น

  • ธุรกิจออนไลน์ที่ทราฟฟิกพุ่งขึ้นตามแคมเปญ
  • องค์กรที่ไม่อยากลงทุนซื้อเครื่องหลายแสน
  • บริษัทที่ต้องทำงานจากหลายสถานที่
  • ระบบที่ต้องการ uptime สูงไม่ให้เสียโอกาสขาย
  • ทีมที่ต้องพัฒนา ฟีเจอร์ใหม่เร็ว ๆ เพื่อแข่งขันในตลาด

คลาวด์เหมาะมากสำหรับธุรกิจที่ต้องการ “โตแบบไม่ถูกฉุดด้วยระบบเดิม”

สรุป Cloud vs On-Premise เลือกแบบไหนดี?

ไม่มีแบบไหนดีที่สุดสำหรับทุกองค์กร แต่มีแบบที่ “เหมาะที่สุด” สำหรับเป้าหมายของคุณ

  • หากต้องการควบคุมทุกอย่างภายใน  On-Premise
  • หากต้องการความเร็ว ความยืดหยุ่น และต้นทุนที่คุมได้  Cloud

สิ่งสำคัญคือการเข้าใจระบบของตัวเองจริง ๆแล้วเลือกโครงสร้างที่ทำให้ธุรกิจพร้อมเติบโต ไม่ใช่แค่ใช้งานได้

Achiever ทีมผู้ช่วยวางกลยุทธ์ Cloud และ On-Premise อย่างเป็นกลาง เราไม่ได้มองว่าคลาวด์ดีกว่า หรือ On-Premise ดีกว่า แต่เรามองว่า “อะไรเหมาะกับธุรกิจของคุณที่สุด” ต่างหากที่สำคัญ

เราช่วยคุณได้ในทุกขั้นตอน เช่น

  • ประเมินความพร้อมของระบบ
  • วางแผนและออกแบบสถาปัตยกรรม
  • เลือกว่าระบบไหนควรอยู่ Cloud / On-Premise
  • ทำ Migration แบบไม่สะดุด
  • ปรับระบบให้เสถียรและคุ้มค่าที่สุด

เป้าหมายของเราคือทำให้โครงสร้างระบบของคุณ “พร้อมต่อการเติบโตเสมอ”

ก้าวแรกสู่ระบบที่รองรับอนาคต เริ่มจากการตัดสินใจที่มั่นใจในวันนี้
หากคุณต้องการมองให้ชัดว่า Cloud หรือ On-Premise เหมาะกับธุรกิจของคุณมากกว่า Achiever พร้อมช่วยให้ทุกคำตอบนำไปสู่การเติบโตที่แท้จริง

เริ่มต้นค้นหาโซลูชันที่ใช่สำหรับองค์กรของคุณ

ย้ายระบบขึ้น Cloud ต้องรู้อะไรบ้าง? เช็กลิสต์ 10 ข้อที่ธุรกิจมักมองข้าม

ทุกวันนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็น Startup, SME หรือองค์กรใหญ่ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ต้องขึ้นคลาวด์แล้วนะ”  แต่พอถึงเวลาลงมือจริง หลายธุรกิจกลับเจอปัญหาที่คาดไม่ถึง ทั้งระบบช้า ค่าใช้จ่ายบาน หรือย้ายไม่จบสักที จนต้องย้อนกลับไปแก้ใหม่หมด

เพราะการย้ายระบบขึ้น Cloud ไม่ได้มีแค่การย้ายข้อมูลจาก A ไป B แต่คือ “การออกแบบระบบใหม่ให้เหมาะกับโลกยุคดิจิทัล” ต่างหาก และถ้าคุณกำลังเตรียมตัว Cloud Migration นี่คือ 10 เช็กลิสต์สำคัญ ที่ต้องรู้ก่อนเริ่ม ไม่งั้นอาจเสียทั้งเวลา เสียทั้งเงินโดยไม่จำเป็น

เข้าใจสภาพระบบปัจจุบันของตัวเองให้ชัดก่อน

ธุรกิจจำนวนมากรีบย้ายขึ้นคลาวด์ ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าแอปของตัวเองทำงานอย่างไร ใช้ทรัพยากรแค่ไหน มีการพึ่งพาระบบอื่นอะไรบ้าง

การทำ System Assessment จึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด

  • องค์ประกอบอะไรต้องย้าย
  • อะไรควรปรับ
  • อะไรควรทิ้งหรือเขียนใหม่

รู้ภาพจริงก่อน จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายหลังไป Cloud ได้มหาศาล

เลือกกลยุทธ์การย้าย (Migration Strategy) ให้ถูกกับธุรกิจ

Cloud Migration ไม่ได้มีวิธีเดียว ทุกวันนี้นิยมใช้ 6R เช่น

  • Rehost (ย้ายทั้งดุ้น)
  • Replatform (ปรับบางส่วน)
  • Refactor (เขียนใหม่เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด)

แต่ละแบบมีทั้งต้นทุนและผลลัพธ์ต่างกันหมด ถ้าตัดสินใจผิด อาจต้องเสียเงินสองรอบเพื่อแก้ระบบใหม่

เช็กว่า Application รองรับ Cloud จริงไหม

บางระบบสร้างมาตั้งแต่สมัยเครื่อง Server On-premise ยังครองโลก เขียนด้วย Framework เก่ามากจนไม่รองรับ Scaling, Load Balancing หรือ Container เลย

ถ้าไม่ตรวจสอบตั้งแต่แรก อาจเจอว่า “ย้ายได้ แต่ทำงานไม่ดีเท่าที่ควร”

วางโครงสร้างความปลอดภัย (Security Architecture) ให้แน่น

บน Cloud ความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องเสริม แต่คือหัวใจหลัก คุณต้องตอบคำถามให้ได้ว่า

  • ข้อมูลสำคัญถูกเข้ารหัสหรือยัง
  • ใครเข้าถึงระบบอะไรได้บ้าง
  • มีการกำหนดสิทธิ์แบบ Least Privilege ไหม
  • มีระบบตรวจจับเหตุผิดปกติหรือเปล่า
  • ธุรกิจไทยหลายแห่งย้ายขึ้นคลาวด์แต่ยังใช้รหัสผ่านเดียวกันทั้งทีม ซึ่งอันตรายมาก

ประเมินค่าใช้จ่ายแบบ Realistic (ไม่ใช่หวังว่าจะ “ถูกกว่าเสมอ”)

คลาวด์ไม่ได้ถูกกว่าในทุกกรณี
ถูก…ถ้ารู้วิธีใช้
แพง…ถ้าไม่คุม Resource
ต้องคำนึงถึง

  • ค่า Compute / Storage / Traffic
  • ค่า Backup
  • ค่า Security Tools
  • ค่า Managed Service

หลายบริษัทตกใจเมื่อเห็นบิลเดือนแรก เพราะเปิดเครื่องทิ้งโดยไม่ตั้ง Auto-scaling หรือไม่ปิดเวลาว่าง

การออกแบบโครงสร้างเครือข่าย (Network Design) ต้องคิดตั้งแต่แรก

ระบบจำนวนมากช้าไม่ใช่เพราะ Cloud แต่เพราะออกแบบ Network ผิด ต้องวาง

  • VPC
  • Subnet
  • Security Group
  • Gateway
  • การเชื่อมต่อกับระบบเดิม

หากออกแบบดี ระบบจะเร็ว ปลอดภัย และขยายง่าย

แผนทดสอบ (Testing Plan) สำคัญพอ ๆ กับแผนย้าย

หลัง Migration ต้องทดสอบทุกอย่าง

  • ความเร็ว
  • การเชื่อมต่อ
  • ความถูกต้องของข้อมูล
  • การทำงานร่วมกันของหลายระบบ

หลายองค์กรผิดพลาดเพราะ “ย้ายเสร็จแต่ไม่ทดสอบพอ”

การจัดการข้อมูล (Data Migration) ต้องละเอียดที่สุด

ข้อมูลคือหัวใจของธุรกิจ การย้ายข้อมูลผิดเพียง 0.1% ก็สร้างปัญหาใหญ่โตตามมาได้

ควรทำ

  • Mapping
  • Validation
  • Backup
  • Verify ก่อนกดส่งงานจริง

และอย่าลืมเตรียม Data Retention Policy ให้ชัดเจนด้วย

วางแผนรับมือระบบเดิมที่ต้องใช้คู่กันชั่วคราว (Hybrid Period)

ในโลกจริง แทบไม่มีใครย้ายระบบเสร็จ 100% ในครั้งเดียว คุณต้องมีช่วง Hybrid ที่ระบบเก่ากับระบบใหม่ทำงานคู่กัน ต้องคิดเรื่อง Sync ข้อมูล, ระบบตกลงเวลา, วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ธุรกิจที่ไม่วางแผนส่วนนี้ มักจะเกิดข้อมูลไม่ตรงกันจนงานล่มได้ง่ายมาก

เตรียมทีมให้พร้อม (ทั้ง Dev, Ops และผู้ใช้งาน)

ขึ้น Cloud ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างจะดีขึ้น “ทันที” องค์กรต้องปรับกระบวนการทำงาน เช่น

  • DevOps
  • CI/CD
  • Monitoring
  • Incident Management

และต้องอบรมทีมใช้ระบบคลาวด์อย่างถูกต้องด้วย

ตัวอย่างสถานการณ์จริงที่หลายธุรกิจเจอ

บริษัทหนึ่งใช้ระบบ POS + ระบบสต๊อกที่รันบนเครื่องในออฟฟิศ ทุกสาขาต้อง VPN กลับมาที่สำนักงานใหญ่ ทำให้ระบบช้าบ่อย พอไป Cloud แล้วความเร็วดีขึ้นมาก แต่ค่าใช้จ่ายสูงเกินคาด เพราะเปิดเครื่องขนาดใหญ่ตลอดเวลา ทั้งที่ช่วงกลางคืนไม่มีใครใช้งานเลย หลังปรับมาเป็น Auto-scaling และลด Machine Size ลง บิลลดลงกว่า 45% ทันที นี่คือตัวอย่างที่พิสูจน์ว่า คลาวด์ดี แต่ต้องใช้ให้เป็น

แล้วจะเลือก Cloud เจ้าไหนดี? หลัก ๆ คือดู 3 เรื่อง

  • ความเสถียร
  • ความปลอดภัย
  • ระบบ Ecosystem ที่ช่วยให้งานคุณง่ายขึ้น

AWS, Google Cloud, Azure ต่างก็มีจุดแข็งของตัวเอง สิ่งสำคัญคือเลือกให้เหมาะกับ “บริบทธุรกิจของคุณ” การย้ายระบบขึ้นคลาวด์ คือการวางรากฐานใหม่ให้ธุรกิจโตได้อีกหลายปี

การขึ้น Cloud ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่มันคือ “กลยุทธ์การเติบโต” ถ้าคุณวางระบบดีตั้งแต่วันแรก ธุรกิจจะพร้อมขยาย รองรับผู้ใช้มากขึ้น ปลอดภัยขึ้น และทำงานเร็วขึ้นอย่างเห็นผล

Achiever ช่วยให้การขึ้นคลาวด์เป็นเรื่องง่ายขึ้นเสมอ เรามีประสบการณ์กว่า 21 ปีในการพัฒนาและดูแลระบบให้ธุรกิจทุกขนาด เราช่วยคุณได้ทั้ง

  • วิเคราะห์ระบบปัจจุบัน
  • วางแผน Cloud Architecture
  • ย้ายระบบโดยไม่ทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก
  • บริหาร Cloud ให้เสถียร ปลอดภัย และคุ้มค่าที่สุด
  • รองรับตั้งแต่ Startup ไปจนถึงองค์กรใหญ่

เราเชื่อว่าคลาวด์ควรเป็น “พลังขับเคลื่อนธุรกิจ” ไม่ใช่ภาระ และเราพร้อมเดินไปกับคุณตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ระบบโตไปไกลกว่าเดิม

พร้อมพาธุรกิจของคุณขึ้นคลาวด์อย่างมั่นใจหรือยัง?

พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ Achiever วันนี้ แล้วเริ่มสร้างระบบที่เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และพร้อมเติบโตตั้งแต่วันแรก 

มีไอเดียเว็บไซต์หรือระบบที่อยากพัฒนาใช่ไหม
มาคุยกับเราให้ไอเดียของคุณสร้างยอดขายได้จริง
📞 โทร: 080-9130199
💬 LINE: @achiver
🔗 https://lin.ee/E6eAE0F

This website uses cookies to improve your web experience.